ตัวเลขน่าตกใจ: นักพัฒนาเกม VR เผชิญวิกฤตละเมิดลิขสิทธิ์
Meta Quest กำลังเจอปัญหาเรื่องละเมิดลิขสิทธิ์อีกครั้ง
นักพัฒนาหลายรายเผยตัวเลขน่าตกใจถึงจำนวนผู้ใช้งานที่ไม่ได้ซื้อเกม
ปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์ในชุดเฮดเซต Meta Quest กลับมาเป็นประเด็นอีกครั้ง โดยมีการเปิดเผยข้อมูลจากนักพัฒนาเกมหลายราย ซึ่งแสดงให้เห็นว่าผู้ใช้งานจำนวนมากกำลังละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์
ปัญหานี้เริ่มต้นจากการเปิดประเด็นของ Youtuber Brad Lynch
Brad Lynch ได้สอบถามไปยังสตูดิโอเกม VR ผ่านแพลตฟอร์ม X ว่าพวกเขาประสบปัญหาเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์หรือไม่ และได้รับคำตอบที่น่าตกใจจากหลายสตูดิโอ
- Commuter Games: ผู้พัฒนาเกมแข่งรถ VR Downtown Club เปิดเผยว่า”เกมก่อนหน้านี้ของเรามีผู้เล่นมากกว่าจำนวนชุดที่ขายได้ถึง 5 เท่า ปัญหานี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ และสิ่งที่แย่ที่สุดคือเราแทบไม่ได้รับการสนับสนุนใดๆ เลย”ทางสตูดิโอยังระบุว่า แม้พวกเขาจะพยายามใช้ระบบตรวจสอบลิขสิทธิ์ในตัวเกม รวมถึงเทคนิคอื่นๆ แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จมากนัก เนื่องจากเกมดังกล่าวเป็นเกมเล่นคนเดียวและไม่สามารถบังคับให้มีการเชื่อมต่อออนไลน์ได้
- Realcast: ผู้พัฒนาเกมบาสเก็ตบอล Just Hoops เผยว่าจำนวนผู้ใช้งานมากกว่าชุดเกมที่ขายได้ถึง 6 เท่า ส่วนเกมใหม่ล่าสุดของพวกเขา Hide The Corpse ซึ่งเปิดตัวเมื่อ 7 เดือนก่อน ก็มีผู้เล่นมากกว่าชุดเกมที่ขายได้ถึง 3 เท่า
- Myron Games: Tommy Maloteaux ซีอีโอของสตูดิโอระบุว่า เกมของพวกเขา Deisim และ Underworld Overseer มีการติดตั้งมากกว่าชุดเกมที่ขายได้ถึง 2 เท่า”สำหรับสตูดิโอเล็กๆ อย่างเรา นี่เป็นเรื่องใหญ่ที่กระทบต่อการทำงานและรายได้โดยตรง”
การละเมิดลิขสิทธิ์ที่เป็นระบบและท้าทาย Meta
หลายความคิดเห็นชี้ว่า การละเมิดลิขสิทธิ์ใน Meta Quest ไม่ใช่แค่ปัญหาปัจเจกบุคคล แต่เป็นระบบที่มีการจัดการอย่างเป็นระบบและแพร่หลาย
คำถามสำคัญคือ ทำไม Meta จึงไม่ดำเนินการที่เข้มงวดกว่านี้?
ตลาด VR ยังคงเป็นตลาดที่เปราะบาง และนักพัฒนาถือเป็นรากฐานสำคัญของระบบนิเวศของ Quest การปกป้องพวกเขาจึงเป็นสิ่งที่ Meta ควรให้ความสำคัญ
บางสตูดิโอเลือกแก้ปัญหาด้วยตัวเอง เช่น Guy Godin ผู้พัฒนา Virtual Desktop ซึ่งในปี 2022 ได้นำระบบตรวจสอบลิขสิทธิ์ (DRM) มาใช้ โดยต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเมื่ออัปเดต อย่างไรก็ตาม วิธีนี้ไม่สามารถใช้ได้กับนักพัฒนาคนอื่นๆ
ที่มา
mixed-news